เมื่อเกิดปัญหาในครอบครัว
คู่รักทางไกลบางทีก็ไม่มีโอกาสศึกษากันมากพอก่อนที่จะปลงใจมาร่วมหอลงโรง บางคู่แค่เจอกันผ่านกล้องเว็บแคมเท่านั้น และการการันตีวีซ่าถาวรก็ไม่มีมีภาคบังคับว่าต้องมีการจดทะเบียนสมรสผูกมัดกันทางกฎหมายก่อนจึงจะขอวีซ่ามาอยู่กินกันระยะยาวได้ ช่วงโปรของบางคู่ก็สั้นมากเพราะปัญหาการปรับตัวให้โน้มเข้าหากันเพื่อเรียนรู้มีน้อยเกินไป ฝ่ายที่หอบผ้า ขายรถ ขายบ้าน ทิ้งงาน ทิ้งครอบครัวใหญ่ มาอยู่ที่นี่มักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่าเมื่อเกิดเหตการณ์ไม่สวยหวานขึ้น เพราะการจะเก็บผ้ากลับบ้านฟังดูไม่ยากแต่การที่เราสะดุดเวลาแล้วต้องกลับไปเริ่มใหม่บางทีมันก็ต่อจากที่เดิมไม่ติด แถมบางคู่ได้มีสมาชิกเป็นลูกน้อยเพิ่มมาอีก แน่นอนว่าชีวิตคู่ที่ไม่สมหวังไม่ใช่เป็นเรื่องค้นหาว่าใครผิด แต่ต้องเป็นการหาทางออกว่าแบบไหนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง แต่เพราะกฎระเบียบของดัตช์มีการปรับเปลี่ยน แก้ไขเพิ่มเติมตลอดเวลา ระเบียบใหม่ช่วงแปดปีให้หลังก็ไม่ได้เอื้อให้คนมาไกลแบบเราสามารถเลือกที่อยู่หลังจากเลิกราได้มากเพราะมีข้อกำหนดด้านระยะเวลาที่มาอยู่เป็นตัวบังคับเพิ่มถ้าขาดคนการันตี ซึ่งก็ไม่เว้นแม้จะเป็นกรณีเลิกราที่มีการตกลงได้
ข้อแบ่งลักษณะการเลิกราจากเงื่อนไขของระบบครอบครัวที่ต่างกันดังต่อไปนี้
กฎหมายดัตช์จะให้ความสำคัญกับเด็กมาก เด็กจะต้องไม่ถูกทอดทิ้งแม้ทางจิตใจ การเลิกราในรูปแบบครอบครัวแบบนี้จะใช้เวลาในการตกลงนานที่สุด เพราะนอกจากต้องรอข้อตกลงเรื่องหย่าตามกฎหมายแล้ว ยังต้องมีข้อตกลงของพ่อแม่ในเรื่องการดูแลลูกอีก (Ouderschapplan)
สามารถตรวจสอบไดจากเว็บไซท์
https://www.rijksoverheid.nl/onderwerpen/scheiden/vraag-en-antwoord/ouderschapsplan
ดังนั้นแม้แม่หรือพ่อ ที่ถูกคู่สมรสยกเลิกการันตี ก็ยังสามารถขออนุญาติอยู่ต่อเพื่อจัดทำข้อตกลงทั้งหมดให้เรียบร้อยได้
หากไม่มีลูก ก็จะเป็นกระบวนการอยู่รอเฉพาะเรื่องหย่าเท่านั้น การหย่าที่นี่ถ้าตกลงกันไม่ง่ายเวลาอาจยืดไปเป็นปีได้ ซึ่งทั้งสองกรณี เมื่อหย่าแล้วถ้าคุณสมบัติไม่เข้าเงื่อนไขทั่วไปที่จะขอการันตีตัวเองได้ ก็จะไม่ได้รับการต่อวีซ่าให้อยู่
(จดทะเบียนพาร์ทเนอร์ หรือสัญญาอยู่ร่วมกัน) และมีลูกอายุต่ำกว่า 18 ปี ในส่วนข้อตกลงการเลี้ยงดูบุตรหลังเลิกรา (Ouderschapplan) ก็ยังต้องทําแม้จะให้บุตรอยู่ในความดูแลของฝายใด ฝายหนึ่งเพียงผู้เดียว การตกลงดูแลบุตรร่วมกันจะเปิดโอกาสให้แม่ขอได้รับการการันตีให้อยู่ต่อเพื่อดูแลลูกได้ (วีซ่าตัวนี้เปิดเพื่อให้แม่อยู่ดูแลลูกจนอายุครบ 16ปี เท่านั้น)
ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายแบบลงไม้ลงมือ abusive หรือ ทำร้ายทางจิตใจ mentally abusive ก็เป็นเรื่องที่หน่วยราชการจะให้ความคุ้มครองแก่ผู้ถูกกระทำ หากเราถูกทำร้ายหรือรู้สึกว่าถูกข่มเหง แบบลงไม้ลงมือ ถูกกดดันด้วยคำพูด ดูหมิ่นซ้ำซาก หรือมีการกระทำแบบ sexual abuse ที่เราไม่ยินยอม หรือมีปัญหาติดการพนันหรือยาเสพติดอย่างรุนแรง เราสามารถร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่รัฐหรือสาธารณสุข เพื่อขอความช่วยเหลือได้ เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้แก่
- ตำรวจ โทร 0900-8844 https://www.vraaghetdepolitie.nl/mishandeling/huiselijk-geweld/waar-kun-je-huiselijk-geweld-anoniem-melden.html
- เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ประจํา Gemeente
- บ้านฉุกเฉิน veiligthuis 0800-2000 Veilig Thuis: Home
- หมอบ้านของเรา huisarts
- พนักงานร้านขายยา apotheek personal โดยการใช้รหัส masker19
- สถานเอกอัครราชทูตไทยในเนเธอร์แลนด์หรือ ไทสมาคม www.thaisestichting.nl
การแจ้งขอความช่วยเหลืออาจทำได้โดยตรงหลังถูกทำร้าย หรือรวบรวมหลักฐานที่โดนกระทำหลายๆครั้ง เช่น ภาพถ่ายบาดแผล หรือเทปเสียง เทปวีดีโอ กรณีที่เราต้องเลิกราเพราะถูกทำร้าย จะมีหน่วยงานหลายหน่วยเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อเยียวยาบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้เรายืนหยัดได้อีก
กรณีทะเลาะกันไม่รุนแรง ไม่มีการลงมือแต่อีกฝ่ายแจ้งยกเลิกการันตี การเลิกในรูปแบบครอบครัวแบบนี้ไม่ต้องทำข้อตกลงเมื่อเลิกราเรียกง่ายๆคือต่างคนต่างแยกกันไปตามทางตัวเอง เพียงแค่คนที่การันตีเรามา (แฟนเรา) จะต้องดูแลให้ที่อยู่เราจนส่งเราขึ้นเครื่องบินกลับ และเขาต้องเป็นคนจัดซื้อตั๋วให้เราในฐานะคนการันตีเรามา กรณีนี้หลายครั้งที่พบวาฝ่ายหญิงจะเกิดความน้อยใจ มักจะเก็บกระเป๋าย้ายออกจากบ้านทันทีเมื่อมีปากเสียงกัน ซึ่งไม่แนะนําให้ทําเช่นนี้
กรณีนี้เราจะสามารถการันตีตัวเองได้ก็ต่อเมื่อเรามีคุณสมบัติครบตามที่ไอเอ็นดีระบุไว้ ในหัวข้อการการันตีตัวเอง