แบรนด์เสื้อผ้าที่สร้างมาจาก
ความทรงจำในวัยเด็ก
อยู่เนเธอร์แลนด์ มาสามปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ ปี 2018 ที่เข้าร่วมโครงการออแพร์ แล้วก็ได้มาอยู่กับครอบครัวชาวดัช 1ปีเต็ม ซึ่งระหว่างปีนั้น มีโอกาศได้เข้าทำกิจกรรมหลายๆอย่าง จนทำให้มาเจอกับพาร์ทเนอร์ และ เมือจบสัญญาโครงการออแพร์ ก็เปลี่ยนวีซ่ามาเป็น พาร์ทเนอร์วีซ่าในปี2019 จากนั้นก็เริ่มสมัครงาน แล้วก็ได้เริ่มงานช่วงมิถุนา ในสายงาน Financial accounting ของบริษัทแห่งหนึ่ง
การเริ่มต้นของการทำธุรกิจ หลักๆ เลยคือความชอบ แล้วก็มีรู้สึกอยากทำอะไรซักอย่างในสิ่งที่ชอบจริงๆ ด้วยความที่เป็นคนชอบงานศิลปะ ความเรียบง่าย แต่ดูดี ชอบอะไรที่มันมาจากธรรมชาติ ความคลาสสิคของการไม่หวือหวา มันทำให้รู้สึกอบอุ่น
แต่สาเหตุที่ Valevee เน้นวัตถุดิบหลักๆ คือผ้าฝ้ายแล้วก็งานทำมือ น่าจะมาจากความทรงจำบางอย่างในวัยเด็กอะค่ะ เพราะครอบครัวเป็นคนอิสาน คุณยายเคยสอน ให้เข็นฝ้าย ให้ทอผ้าด้วยฮูกไม้ แล้วก็ ทำที่นอนยัดนุ่นตอนเป็นเด็กก็เหมือนเราได้เล่นสนุก เราก็รู้สึกว่า งานฝีมือพวกนี้ มันคุณค่าจังเลยกว่าจะทำได้แต่อย่าง เราได้ใช้ของที่เราทำเอง จนผ่านวัยมา ด้วยการฮ้อมล้อมของสิ่งต่างๆ เราก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปบ้าง
แต่พอโตมาจนกระทั่งวัยนึงที่ชีวิตเริ่มมีความนิ่ง เราก็กลับมาย้อนเห็นตัวตนของตัวเองอีกครั้งนึง เราพบว่าเรายังชอบสิ่งเดิมเหล่านี้อยู่ จนรู้สึกว่าอยากทำตรงนี้เพื่อเลี้ยงชีพ มันต้องมีความสุขมาก แน่ๆเลย ก็เลยเกิดความคิด ก่อตั้งธุรกิจเล็กๆนี้ขี้นมา เผื่อมันจะขาย อาจจะมีคนชอบเหมือนเรา
ชมคลิป 8 นาที ตรงนี้ได้ ถ้าไม่อยากเลื่อนอ่านยาวๆคะ
จริงๆแล้วจดทะเบียนธุรกิจไปเมือ เดือน มิถุนายน 2020 นี่เองค่ะ แต่ก็อยู่ระหว่างการจัดเตรียมทุกอย่าง ซึ่ง เริ่มทำการโปรโมทเว็บไซต์ ไปเมือนวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้เอง ก็นับรวมๆ ก็ครึ่งปีละค่ะ
ตอนตัดสินใจ ไม่ได้นานเลยนะ รู้ว่า เอาเลยทำเลย คือ อย่างที่บอกว่า ทุนเดิมเป็นคนชอบใช้วัสดุจากธรรมชาติอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การแต่งตัวหรือ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในบ้านก็ จะเป็นโทนใกล้เคียงกัน ซึ่งก็มีแผนอยากจะขายของประเภทนี้ อาจจะเป็นเสื้อผ้าฝ้าย หรือ งานทำมือบ้านเราเอามาขาย
แต่ช่วงที่เพิ่มเริ่มทำงานประจำ ก็ยังได้แต่คิด แล้วก็ลองดูตลาดมาเรื่อย ทั้งแหล่ง ซื้อขาย หลายๆที่ในไทย เปรียบเทียบกับสินค้าของตลาดยุโรป จนกระทั้ง มีเพื่อนคนนึงเค้ามาชวนร่วมหุ้น หาของมาขาย เราก็เอาเลย ตัดสินใจทำ เพราะ เราเองก็เล็งอยากจะทำมานานแล้ว แต่ไปๆมาๆ ก็ เงื่อนไขหลายอย่าง ทำให้เราไม่ได้ลุยกันต่อ
แต่ด้วยความที่ตั้งใจไว้แล้ว ไหนๆ ก็อยากทำอยู่แล้ว เลยหันไปถามพาร์ทเนอร์ ว่าเทอ จะเอากับชั้นไม๊ เพราะมันต้องทำอะไรหลายอย่าง เค้าก็โอเค เราก็เลยตัดสินใจลุยต่อ
ครอบครัวที่ไทยเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการเลยค่ะ ถือว่าเป็นทีมงานภาคสนาม ฮ่า ฮ่า ฮ่า เพราะว่า เวลาต้องมีการขนส่งสินค้า ตรวจเช็คอะไร ก็จะเป็นที่บ้าน จัดการให้ แล้วก็สินค้าบางส่วน ก็ เป็นคุณป้าที่ผลิตเองเลย เพราะว่า ป้าเป็นลูกสาวคนโตของยาย คนเดียว ที่เค้ายังสืบทอดพภูมิปัญญาชาวบ้านอันนี้ ก็คือ ผ้าฝ้ายทอมือ ที่จังหวัด สกลนคร
100% มาจากเงินเก็บจากการทำงานประจำของเราสองคนเลยค่ะ เพราะว่า ทั้งสถานะของเราทั้งคู่ แล้วก็ สถานะของกิจการยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสามารถไปขอเงินลงทุนกับแหล่งการเงินอื่นๆได้ค่ะ
การที่ได้มาทำตรงนี้มันเหมือนเติมเต็มชีวิตวาด้วยนะคะ
อย่างแรก จากที่แต่ละวันอาจจะตื่นไปทำงานแค่ 9-5 สิ้นเดือนรับเงินเดือน แล้วเป็นคนที่เครียดกับงานมากจนบางทีจัดการกับความคิดตัวเองไม่ได้ งานก็ไม่เป็นไปตามที่คิด
แต่พอเริ่มได้ใช้เวลากับสิ่งที่เราชอบ เนี่ย กลายเป็นว่ามันส่งผลให้เราตั้งใจทำงานอย่างอื่นไปด้วย โดยเฉพาะงานประจำเนี่ย อยากจะเคลียให้มันเสร็จเร็วๆ เพื่อที่จะได้มีเวลามาทำสิ่งที่เราอยากทำ ทีนี้งานก็เป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างที่สองคือ วามีความฝันอยากให้ธุรกิจอันเนี้ย มันเลี้ยงตัวได้ แล้วก็อยากเอา สินค้า งานฝีมือของคนบ้านเรา มาออกสู่ตลาดสากลเพิ่มขึ้น อย่างตอนนี้ สินค้าทีเอามาก็มาจากหลายๆ กลุ่มธุรกิจในชุมชน ที่ชาวบ้านเค้ามีภูมิปัญญาท้องถิ่นเค้าทำกัน เราก็เหมือนส่งเสริมให้เค้าได้มีรายได้ ที่บ้านเกิดเค้าด้วย คนเฒ่าคนแก่ไม่มีอะไรทำ เค้าก็พึ่งพาตัวเองได้
มีแอบมีเพ้อฝันว่าอยากจะมีอาณาจักรวาเลอวี ที่ทำมีการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ปลูกฝ้าย จน กระทั้ง ออกมาเป็นผลิตภัณ ซึ่งที่จริงในบ้านเราก็มีธุรกิจลักษณะนี้แล้ว งานทำมือก็มีราคาสูงซักหน่อย คิดว่า น่าจะต้องมีการพัฒนา ปรับปรุง ให้ คุณภาพสินค้า สอดคล้องกับราคา แล้วก็อยากให้เป็นราคาที่คนทั่วไปจับต้องได้ ก็ยังแผนแบบไกลๆนะคะ อาจจะ ห้าปี สิบปี ก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ เราก็ต้องเรียนรู้ไปก่อน
ถ้าให้คะแนนในทางพาณิชย์ เต็ม สิบตอนนี้คงยังไม่ สาม ห้าๆๆๆ เพราะ จริงๆเราก็เพิ่งเริ่ม ก็มีหลายอย่างยังลองผิดลองถูก แต่ ความสำเร็จของความใฝ่ฝันนี่ ให้ 6.5 เลยค่ะ ได้เป็น หนัง ถ้าเป็น หนังที่เรทติ้งโดย IMdb ก็ถือว่าน่าดูแล้วนะคะ แต่ จะยังถึงกับว้าวเนาะ คงต้องใช้เวลาอีกนาน
ในฐานะเจ้าของกิจการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาหรือการติดต่อหน่วยงานรัฐ มีบ้างมั้ย อุปสรรค ในการทำงาน ส่วนใหญ่คือการสื่อสารที่ไทยมากกว่า เพราะเวลาในการเลือกสินค้า เลือกวัตถุ เราไม่ได้ไปเดินเลือกเอง คือ กว่าจะขนส่ง กว่าจะลองทำ เวลาส่งแบบให้เค้าไปผลิต แล้ว เราไม่ได้ไปดูเอง มันก็มีเข้าใจกันคลาดเคลื่อนบ้างค่ะ เอาจริงๆ คือ ตรงนี้ เป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะบางอย่างครอบครัวที่ไทย เค้าก็ตัดสินใจให้เราไม่ได้ ต้องเป็นวา ส่วนหน่อยงานรัฐของที่นี้ ไม่มีปัญหาเลย เพราะว่าเค้ามีการให้ข้อมูลที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ ในการช่วงเหลือผู้ประกอบการชาวต่างชาติเค้าก็ มีเจ้าหน้าสำหรับภาษาอังกฤษได้ ค่อนข้างดีเลยค่ะ เท่าที่ติดต่อมาก็ยังไม่เจอปัญหาอะไร
ถ้ามีโอกาสยังไงก็ลองเข้าไปแวะชมสินค้ากันได้ที่ www.valevee.com นะคะ หรือว่า จะเข้ามาทักทายพูดคุยกับวา ก็ได้ทั้งทาง เฟสบุคเพจแล้วก็ instragram valevee.brand